พื้นฐานในการยิงปืน


พื้นฐานในการยิงปืน


          1. การตั้งท่าและความมั่นคง : ท่ายิงมีความสำคัญต่อการยิงเป็นอย่างยิ่งเพราะการตั้งท่าที่ดีนั้นจะก่อให้เกิดความสมดุลและความมั่นคงของร่างกายและมือ โดยให้มีการกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อและร่างกายน้อยที่สุด ช่วยรักษาระดับพื้นที่การใช้แขนและพื้นที่การยิงให้น้อยที่สุด ช่วยรักษาระดับศรีษะและแขนให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้ตามองเห็นชัดที่สุดระหว่างการเล็งเป้าหมาย และเพื่อให้มีความมั่นคงตลอดเวลาการยิง
การตั้งท่าที่ถูกต้องและสมบูรณ์

  1. วางเท้าให้ห่างกันเท่ากับความกว้างของหัวไหล่
  2. ให้น้ำหนักตัวและน้ำหนักปืน ตกลงบนขาทั้งสองข้าง
  3. แขนที่ใช้ยิงจะต้องเหยียดเต็มที่ พร้อมทั้งข้อมือและข้อศอกจะต้องนิ่งที่สุด
  4. แขนและไหล่ต้องทำมุมประมาณ 12-20 องศา
  5. แขนที่ไม่ใช้ยิงจะต้องผ่อนคลาย โดยอาจจะวางไว้ที่กระเป๋าหรือเข็มขัดด้านหน้า เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
  6. เงยศีรษะขึ้นและจ้องไปที่เป้าหมาย เพื่อให้สามารถปรับสายตาได้ และปราศจากการรบกวน
  7. ความสมดุลในจุดยิง เกิดจากการเคลื่อนไหวของแขนมุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างช้าๆ
  8. ในจุดที่เตรียมพร้อม 45 องศากับเป้าแขนจะถูกยกขึ้นมาสู่จุดยิงโดยการบังคับของกล้ามเนื้อไหล่เท่านั้น ส่วนอื่นๆจะไม่มีการเคลื่อนไหว

การจับปืน : นั้นจะต้องรู้สึกว่าฝืนธรรมชาติเล็กน้อย  โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน แต่เมื่อฝึกแล้วก็จะสามารถทำได้คล่อง

การจับปืนที่ถูกต้อง

  1. ให้ทำมือเป็นรูปตัว “V”
  2. นำด้ามปืนสอดเข้าอุ้งมือ
  3. ให้แนวของลำกล้องขนานกันเขน และส่วนบนของมือเสมอกับส่วนบนของด้ามปืน
  4. ใช้นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยกำด้ามปืน
  5. นิ้วชี้เมื่อยังไม่ใช้ให้วางไว้ข้างปืนเหนือโกร่งไกปืน
  6. นิ้วหัวแม่มือควรเหยียดตรงและวางแนบข้างปืน
  7. การแตะไกรปืน ให้ใช้นิ้วชี้ข้อปลายส่วนกลางข้อแตะที่ไกปืน

การหายใจ :
การหายใจจะต้องมีการเคลื่อนหวของท้อง กล้ามเนื้อหน้าอกและหลัง ถ้าการยิงปืนมีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด จะเป็นการยิงปืนที่ได้ผลดีที่สุด ดังนั้น ขณะยิงปืนการหายใจน้อยที่สุดหรือไม่หายใจเลยระหว่างที่ปล่อยกระสุนออก จะทำให้ผลการยิงออกมาดี
แต่ขณะที่ทำการกลั้นหายใจนั้น โลหิตจะขาดออกซิเจน ซึ่งถ้านานมากจะทำให้เกิดอาการหน้ามืดและหมดสติได้ เนื่องจากการแตกตัวของเซลล์สมองอันเป็นผลจากการที่เลือดไม่ได้รับออกซิเจน ดังนั้น เราจึงควรฝึกการหายใจเพื่อใช้ในการยิงปืนให้ได้ประมาณ 6-10 วินาที
การหายใจที่ถูกวิธี

  1. ควรยืนในท่าที่ถูกต้อง และก่อนยกปืนขึ้นให้หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหายใจออกประมาณ 2 ครั้ง
  2. ในขณะยกปืนขึ้น ให้หายใจเข้าปกติ แต่เมื่อยกปืนถึงเป้าหมาย ให้หายใจออกจนถึงจุดที่หยุดการหายใจ
  3. ในขณะที่หยุดการหายใจ ให้ทำการยิงได้ แต่ร่างกายจะต้องอยู่ในท่าที่มั่นคง
  4. เมื่อกระสุนถูกยิงออกไปแล้ว ร่างกายยังคงต้องอยู่ในสภาพนิ่ง จากนั้นจึงค่อยๆลดแขนลงแล้วเริ่มการหายใจตามปกติ

การเล็ง :
การเล็ง หมายถึง การจัดให้ลำกล้องปืนชี้ไปยังเป้ายิง ซึ่งมีสูตรการเล็งอยู่ว่า “หลับตาซ้ายเล็งด้วยตาขวา ให้ยอดศูนย์หน้าอยู่กึ่งกลางช่องบากศูนย์หลังเสมอ วางไว้ส่วนล่างของที่หมาย” ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

  1. หลับตาซ้ายเล็งด้วยตาขวา หมายความว่า ให้ใช้สายตาเพียงข้างเดียวทำการเล็ง
  2. ให้ยอดศูนย์หน้าอยู่กึ่งกลางช่องบากศูนย์หลัง หมายความว่า จัดให้ศูนย์หน้าอยู่กึ่งกลางของช่องศูนย์หลัง
  3. เสมอสันบากศูนย์หลัง หมายความว่า ใหส่วนบนของศูนย์หน้าเสมอกับส่วนบนของศูนย์หลัง
  4. วางไว้ส่วนล่างของที่หมาย หมายความว่า เมื่อจัดศูนย์หน้าและศูนย์หลังได้แล้ว ให้นำศูนย์ทั้งสองไปวางไว้ด้านล่างของขอบจุดวงกลมสีดำ

                การเล็งที่สมบูรณ์

  1. ศูนย์หน้าต้องมองเห็นชัด
  2. ศูนย์หลังเบลอ
  3. แสง 2 ข้างของศูนย์หน้าต้องเท่ากัน
  4. ความกว้างของศูนย์หน้าขึ้นอยู่กับบุคคล
  5. ความลึกของศูนย์หลังต้องเพียงพอที่จะเห็นศูนย์หน้าได้อย่างชัดเจน

การตั้งศูนย์ :
ศูนย์ปืนจะประกอบด้วยศูนย์หน้าและศูนย์หลัง ศูนย์หน้าจะติดตายตัว ไม่สามารถปรับแต่งได้ แต่ศูนย์หลังสามารถปรับแต่งได้โดยการเลื่อนขึ้นลงหรือซ้ายขวา

หลักการตั้งศูนย์ :
เมื่อเรายิงออกไปแล้วกระสุนตกลงเป้า ณ จุดหนึ่ง แต่ไม่ใช่จุดที่เราต้องการ เราสามารถเลื่อนจุดเพื่อให้ตำแหน่งของกระสุนตกลงยังจุดที่เราต้องการ เช่น เมื่อยิงกระสุนออกไปแล้วกระสุนตกลงต่ำกว่าจุดสีดำของเป้า แต่จุดหมายที่เราตั้งไว้คือจุดสีดำ เราสามารถปรับศูนย์ปืนโดยการเลื่อนศูนย์หลังขึ้น หรือถ้ายิงกระสุนและกระสุนตกลงต่ำกว่าจุดสีดำ เราสามารถแก้ไขได้โดยการเลื่อนศูนย์หลังลง หรือเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้
                การลั่นไก :
การลั่นไกปืน คือการปล่อยให้กระสุนหลุดออกปืนไปสู่เป้า ซึ่งถือเป็นขั้นสุดท้ายของการยิงปืน
การลั่นไกปืนที่ถูกต้องนั้น จะต้องค่อยๆกดไกเบาๆจนกว่าปืนจะลั่นเอง เพราะถ้ากดไกปืนแรงเกินไปจะทำให้เกิดการกระชาก กระสุนจะตกตรงตามเป้า แต่ถ้าค่อยๆกลไกหรือกดไกอย่างนุ่มนวล กระสุนก็จะค่อยๆออกและตกตรงตามเป้า
การฝึกการลั่นไกนั้นต้องพยายามฝึกโดยไม่ใส่กระสุนปืน ควรฝึกประมาณวันละ 70-80 ครั้งเพราะการฝึกการลั่นไกปืนแบบไม่ใส่กระสุนนั้น จะทำให้การฝึกมีประสิทธิภาพ การยิงนิ่งและไม่ทำให้เกิดการกระชาก
                การยิง :
การยิงปืนให้มีประสิทธิภาพนั้นควรยิงตามขั้นตอนต่างๆอย่างถูกต้อง จึงจะสามารถนำไปสู่ชัยชนะได้
ขั้นตอนการยิงปืน

  1. นำมือที่ไม่ใช้ยิงหยิบปืน แล้วนำไปวางในมือที่ใช้ยิง
  2. ตรวจสอบศูนย์ปืน
  3. ตั้งท่าให้ถูกต้อง
  4. หายใจลึกๆประมาณ 2 ครั้ง
  5. หายใจครั้งที่ 3 พร้อมยกปืนขึ้น เมื่อถึงเป้าหมายให้หายใจออก
  6. ค่อยๆสัมผัสไกปืน
  7. เล็งไปยังจุดเป้าหมาย
  8. กดไกปืนอย่างนุ่มนวล
  9. รักษาสภาพการยิงให้ยังคงนิ่งอยู่
  10. ค่อยๆลดมือลง จากนั้นจึงทำการวอเคราะห์การยิง

                การรักษาสภาพต่างๆหลังการยิง :
การรักษาสภาพหลังการยิงนั้น มิใช่รักษาเฉพาะช่วงระหว่างปลายกระสุนเท่านั้น แต่ต้องรักษาสภาพต่างๆนับจากหลังการปล่อยกระสุนออกไประยะหนึ่ง จนกระทั่งกระสุนทะลุเป้า
                การวิเคราะห์การยิง :
การวิเคราะห์การยิง หมายถึง การที่เรานำผลงานที่ยิงออกไปนั้นมาพิจารณาดูว่าขั้นตอนของการยิงทั้งหมดสมบูรณ์หรือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไร แล้วนำข้อผิดพลาดนั้นมาแก้ไข เพื่อให้การยิงในครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ที่สุด
2.การฝึกฝน :
การฝึกฝนสำหรับกีฬายิงปืนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นิจึงควรให้มีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทั้งร่างกายและจิตใจ
3.เครื่องมือและอุปกรณ์ :
ในการแข่งขันกีฬายิงปืน อุปกรณ์สำคัญมีอยู่ 3 ชนิด คือ ปืน กระสุนปืน และเป้ายิง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติมอีก เช่น เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ป้องกันเสียง ที่ปิดตา สลิง เป็นต้น

 


จําหน่ายอาวุธปืนนอกแท้นําเข้า.com | ขายปืนมือสอง | ขายปืนหลุดจำนำ | ขายปืนนอกแท้ | ขายปืนทุกประเภท