ปืนลูกโม่ Colt vs Smith&Wesson

หลังจากสิทธิบัตรปืนลูกโม่ของ โคลท์ หมดลง เรมิงตัน กับ สมิธฯ จึงทำปืนออกมาขายบ้าง ปืนของ เรมิงตัน ลอกแบบ โคลท์เอาดื้อๆ
ส่วนปืนของสมิธฯเป็นลูกโม่แบบระบบหักคอ ใช้กระสุนปลอกโลหะสมัยใหม่ แต่พอปืนของ สมิธฯชักจะขายดีเข้า ทั้งเรมิงตัน และโคลท์ต่างก็อยู่ไม่เป็นสุขเลยกลายเป็นว่ามีการผลิตลูกโม่แบบอะไหล่แบบเจาะทะลุให้เอากระสุนชนวนริมปลอกโลหะใสยิงได้
วางขายในร้านปืน ประทับตราเอาไว้แค่ว่าใช้ ยิงกับปืนโคลท์หรือ เรมิงตัน เท่านั้น

ซึ่งก็ได้รับความนิยมเหมือนกันเพราะ อย่างน้อยถ้าหาซื้อกระสุนสำเร็จรูปมาไม่ได้ก็ยังพอจะเอาลูกโม่ของเดิมที่มากับปืน
มากรอกดินปืนแบบเดิมๆบรรจุ ใช้ยิงแก้ขัดได้เหมือนเดิม

ถึงแม้ว่าสิทธิบัตรของไวท์หมดอายุการคุ้มครองลงในปี ค.ศ 1869 ก็จริง แต่ถ้าจะทำปืนลูกโม่ชนวนกลาง  โคลท์ต้องรอให้สิทธิบัตรเรื่องกระสุนชนวนกลางของสมิธฯหมดอายุลงเสียก่อนถึงจะผลิตปืน SAA ออกมาได้
พอดี แซมมวล  โคลท์เสียชีวิตลงในปี ค.ศ 1862 เมืออายุได้ 48ปี คือตายก่อนที่จะได้เห็นปืน ลูกโม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อีกแบบนึงของเค้าจะคลอดออกมานั่นเอง  เมื่อโคลท์เสียชีวิตลง กิจการตกไปอยู่ในความรับผิดชอบของ Elisha Root
นายช่างใหญ่ของโรงงานโคลท์ เมื่อเห็นว่าธุรกิจตกต่ำลงไปเรื่อยๆ โรงงานโคลท์จึงตัดสินใจเจรจากับ สมิธฯ
เพื่อขออนุญาตใช้สิทธิบัตรของสมิธฯ


สำหรับ สมิธฯ เอง ก็กำลังตื่นเต้นกับการขายปืนล๊อตใหญ่ให้กองทัพรัสเซียได้ จึงได้ละความสนใจจากตลาด
ภายในประเทศ ปล่อยให้ โคลท์ ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาด้วยการจดทะเบียนสิทธิบัตร ปืนลูกโม่ Colt SAA ในปี ค.ศ 1871
และเริ่มผลิตออกมาในปี ค.ศ 1873 ปรากฏว่าทหารม้าสหรัฐประทับใจในปืนโคลท์รุ่นนี้ สั่งซื้อทันที 8400 กระบอก
โดยกว้านซื้อปืนพาณิชย์ไปก่อน 400 กระบอก และในวันที่ 23 ก.ค 1873 ได้ทำสัญญาสั่งซื้อตามสเป็คทหารอีก 8000 กระบอก

สำหรับปืน Colt Single Action Army นี้ จะมีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ เช่น พีซเม็กเกอร์,Big Iron, Big six, Skull buster,
Thumb buster, Judge Colt, One-eye Judge, Six Shuter,Six Guns , แต่ชื่อที่โรงงานโคลท์เรียกก็คือ
โคลท์ซิงเกิลแอ็คชั่นอาร์มี่  แต่จริงๆแล้วชื่อเดิมของทหารจะยาวกว่านี้อีกครับ คือจะเรียกว่า
New Model Army Metallic Cartridge Revolving Pistol  กระสุน.45โคลท์ในยุคแรกใช้หัวตะกั่ว255เกรน
ขับดันกระสุนด้วยดินส่งกระสุนแบบดินดำ หนัก 40เกรน ทำความเร็วได้ 810ฟุต/วินาที สำหรับกระสุน.45โคลท์
ในปัจจุบันจะบรรจุด้วยดินควันน้อย และทำความเร็วได้มากกว่าเดิม โดยถ้าเป็นกระสุนหัวตะกั่ว255เกรน
จะได้ 860ฟุต/วินาที และกระสุนหัวรู225เกรน จะได้ 920ฟุต/วินาที

ย้อนกลับมาในปี ค.ศ 1875 สมิธฯกำลังเพลิดเพลินกับการขายปืน .44 ให้กับกองทัพรัสเซียจนนับเงินแทบไม่ทัน
พอสมิธฯกลับจากการดูแลลูกค้าที่รัสเซีย มาถึงอเมริกา ก็ต้องตาเหลือก เมื่อเห็นทั้งทหารและคาวบอยอเมริกันพากันคาดปืน
โคลท์ SAA.45 กันเต็มบ้านเต็มเมือง ดังนั้น สมิธฯจึงได้พัฒนาปืน นัมเบอร์3ของตัวเองขึ้นมาเป็น ปืนลูกโม่
สโคฟิลด์ ขนาด .45S&W ซึ่งเป็นปืน ซิงเกิลแอ็คชั่นแบบหักลำ กลไก ไม่แข็งแรงเท่ากับโคลท์ SAA
จึงต้องใช้อานุภาพของกระสุนต่ำกว่า .45โคลท์ ที่เรียกว่า .45S&W ใช้ปลอกยาว 1.1 นิ้ว (.45โคลท์ 1.29นิ้ว)
ชาร์จดินดำ 28เกรน ส่งกระสุนหัวตะกั่ว250เกรน ได้ความเร็ว 710ฟุต/วินาที กองทัพสหรัฐฯรับเอา
ปืนและกระสุนนี้เข้าประจำการทันที เพราะเห็นว่าถึงกระสุนจะมีอานุภาพต่ำกว่าโคลท์ แต่ก็บรรจุกระสุนชุดใหม่ได้เร็วกว่า
โคลท์ SAA นอกจากนั้นยังเปลี่ยนกระสุนขนาด .45 ทั้งหมด ให้เป็นขนาด .45S&W จ่ายให้กับหน่วยทหารที่ใช้
โคลท์ SAA เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุง


พูดถึงโคลท์ SAA หลายๆคนคงจะนึกถึงมหาโจรอย่าง บิลลี่ เดอะ คิด หรือชื่อเต็มๆในประกาศจับตายว่า William Bonney
(เกิด ค.ศ 1859 ตาย 1881) บิลลี่ตายเพราะถูกยิงด้วยปืน โคลท์ SAA  ขนาด .44-40ลำกล้อง 7 นิ้วครึ่ง
โดยนายอำเภอ แพต การ์เร็ท (Patrick  Floyd Jarvis Garret เกิด ค.ศ 1850 ตาย 1908) บิลลี่ เดอะ คิด เองก็เคยใช้ปืน
โคลท์SAA แต่ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ปืนลูกโม่ สมิธฯ สโคฟิลด์ ซึ่งเป็นระบบหักคอ เพราะมองว่าเวลาแหกวงล้อมตำรวจ
ตอนไปปล้นธนาคาร จะได้บรรจุกระสุนชุดใหม่ได้เร็วดีเท่านั้น

ปืนโคลท์SAA ในอดีตนั้นอยู่เคียงข้างทั้ง คาวบอย พลเรือน ทหาร ผู้รักษากฏหมาย แม้กระทั่งมหาโจรอีกหลายๆคน
และจะยังอยู่ในใจ ผู้ที่มีใจรักปืน ตวัดเดี่ยว อยู่เสมอ ไม่เสื่อมคลาย ตราบเท่าทุกวันนี้ครับ

ที่มา : http://www.gun.in.th/2010/index.php?topic=17446.0


จําหน่ายอาวุธปืนนอกแท้นําเข้า.com | ขายปืนมือสอง | ขายปืนหลุดจำนำ | ขายปืนนอกแท้ | ขายปืนทุกประเภท