ปืนทหารที่ได้ชื่อว่า ผลิตประณีตที่สุด ยิงได้แม่นยำที่สุด คือ ซิก 210 (SIG 210) ที่ประจำการในกองทัพสวิสตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1949 จนถึง 1975 นายทหารที่ปลดประจำการสามารถซื้อไปใช้ส่วนตัวโดยจ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 30 ฟรังสวิส หรือประมาณ 1,000 บาท แต่ราคาปืนเก่ารุ่นนี้ที่ขายกันในยุโรปนอก

ประเทศสวิสอาจสูงถึง 4,000 ยูโร หรือกว่า 160,000 บาท และสำหรับประเทศไทย ซิก 210 ใหม่จากโรงงานที่เข้ามาขายเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สร้างสถิติเป็นปืนรมดำธรรมดากระบอกแรกที่ราคาทะลุแสน สะท้อนถึงต้นทุนการผลิตที่สูง อันเนื่องมาจากการออกแบบในยุคช่างฝีมือ, จำนวนผลิตต่ำ และค่าแรงสวิสที่อาจสูงที่สุดในยุโรป

เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยของปืนที่จะมาแทน 210, ซิก ได้ ซาวเออร์ (J.P. Sauer & Sohn) เป็นหุ้นส่วน ย้ายฐานผลิตไปเยอรมนี ออกแบบปืนใหม่เน้นการใช้เทคโนโลยีแทนฝีมือช่าง เช่น เปลี่ยนแบบจากโครงหุ้มลำเลื่อน เป็นลำเลื่อนหุ้มโครงเหมือนปืนทั่วไป, เลิกใช้ห่วงลูกเบี้ยว หันมาใช้ผิวเอียงควบคุมการขัดกลอน, และที่ชัดเจนที่สุดคือ ไม่ทำสันขัดกลอนซ่อนในลำเลื่อน แต่ออกแบบใหม่โดยเสริมรังเพลิงให้หนา ขัดกลอนกับช่องสลัดปลอก ซึ่งจุดนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ ที่ปืนระบบรีคอยล์ลำกล้องกระดกทุกยี่ห้อของปัจจุบันต่างนำไปใช้ ปืนรุ่นนี้โรงงานเรียกชื่อว่า ซิก 220 (SIG 220) เข้าประจำการกองทัพสวิสในปี ค.ศ. 1975 เป็นต้นตระกูลของปืน ซิก รหัส 22x ที่ใช้ระบบไกดับเบิล/ซิงเกิล และคันลดนก ที่มีวิวัฒนาการต่อเนื่องผ่านยุค 9 มม. ลูกดก มาจนถึงทุกวันนี้

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 กองทัพสหรัฐ มีแผนจะเปลี่ยนปืนพกหลักจาก 1911 ขนาด .45 เดิม เป็น 9 มม. ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับ NATO ปืนสองกระบอกที่ผ่านกระบวนการทดสอบมาถึง “รอบชิง” คือ ซิก 226 กับ เบเร็ตต้า 92 โดยเบเร็ตต้าที่เสนอราคาต่ำกว่าเป็นผู้ชนะ แต่จากผลงานโดดเด่นระหว่างการทดสอบครั้งนั้น หลายหน่วยงานเลือกที่จะใช้ ซิก ตลอดจนส่งผลให้ปืนซิก ขายดีในตลาดสหรัฐที่บริษัทเข้าไปตั้งโรงงานประกอบและผลิตปืนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985

จากรุ่นมาตรฐาน 226 มาเป็นรุ่นคอมแพ็ค 229 จุดที่ปรับเปลี่ยนมีเพียงความยาวลำกล้อง 3.9 นิ้ว (สั้นลงครึ่งนิ้ว) ซองกระสุน 13 นัด (ลดลงสองนัด) ซิก 229 คล่องตัวกว่า พกพาสะดวกกว่า โดยความแข็งแรงไม่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน สามารถรับกระสุน .40 และ .357 SIG ได้สบาย ทำให้ ซิก 229 เหมาะกับงานในเมืองที่เน้นการพกพาอย่างมิดชิดสุภาพ แต่ยังต้องการอานุภาพกระสุนแรงสูง ซิก 229 จึงได้รับเลือกให้เป็นปืนประจำตัวเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอารักขาบุคคลสำคัญ คือ U.S. Diplomatic Security Service เลือกใช้ขนาด 9 มม. และ U.S. Secret Service ใช้ขนาด .357 SIG (เป็นกระสุนแรงสูง ใช้ปลอก .40 บีบคอขวดใส่หัวกระสุน 9 มม.)

ในเชิงพาณิชย์ ซิกผลิตรุ่น 229 ออกมาหลากหลายรูปแบบ นอกเหนือจากการแต่งผิวต่าง ๆ กันแล้ว มีจุดที่สังเกตได้คือ รุ่น เอลีท เพิ่มส่วนท้ายโครงรับง่ามมือให้จับได้สูงขึ้น กับเพิ่มลายกันลื่นที่ลำเลื่อนส่วนหน้า และรุ่น DAK ไม่มีหงอนนก ใช้ไกดับเบิลล้วนคือนกไม่ง้างค้าง ทุกรุ่นใช้ลำเลื่อนเหล็กชิ้นเดียวเพื่อความแข็งแรง และโครงอัลลอยด์เพื่อลดน้ำหนัก ยกเว้นรุ่น เอลีท สเตนเลสส์ ที่ใช้โครงเหล็กปลอดสนิม

โดยรวม ซิก 229 เอลีท เหมาะกับผู้ที่ชอบปืนแบบใช้นกสับ โดยเพิ่มความสะดวกปลอดภัยของคันลดนก พร้อมยิงนัดแรกทันทีด้วยระบบไกดับเบิล/ซิงเกิล ไม่มีคันนิรภัยให้ยุ่งยากสับสน ลำกล้องและด้ามสั้นกว่าตัวมาตรฐานเล็กน้อย สำหรับเจ้าหน้าที่ใช้พกซองนอกได้ดี หรือพกในแบบใช้เสื้อปิดทับได้มิดชิดขนาดกระสุน 9 มม. พาราฯ แพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน หาซื้อกระสุนซ้อมยิงในสนามได้ง่าย จุดเด่นคือความแม่นยำ และการทำงานที่ไว้ใจได้.

ข้อมูลสรุป SIG 229 Elite

ขนาดกระสุน 9 มม. พาราฯ (9x19 mm.) ความจุ 13+1 นัด

มิติ ยาวxสูงxหนา : 193x137x38 มิลลิเมตร

ลำกล้องยาว 99 มม. (3.9 นิ้ว)

น้ำหนัก 910 กรัม พร้อมซองกระสุน (รุ่นโครงสเตนเลสส์ 1140 กรัม)

แรงเหนี่ยวไก ดับเบิล 4550 กรัม (10 ปอนด์) ซิงเกิล 2000 กรัม (4.4 ปอนด์)

วัสดุ เหล็ก (ลำกล้อง, ลำเลื่อน), อลูมินั่มอัลลอยด์ (โครงปืน)

อื่นๆ มีแยกย่อยหลายรุ่น รวมทั้งขนาดกระสุน .40

ลักษณะใช้งาน ปืนต่อสู้อเนกประสงค์ สำหรับ จนท. ปราบปรามหรือป้องกันตัว

ตัวเลือกอื่น Beretta 92 Compact, CZ PO2

ที่มา http://bullethouse.lnwshop.com/article/7/sig-sauer-p229-elite